ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ของดีล้น หล่อสมชาย แค่ถ่ายรูปไม่ขึ้น

ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ของดีล้น หล่อสมชาย แค่ถ่ายรูปไม่ขึ้น

ก่อนรายงานการทดลองขับออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ที่จังหวัดเชียงใหม่ เราไปทำความรู้จักต้นแบบ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน กันก่อน ย้อนไปเมื่อมอเตอร์โชว์ปีที่แล้ว 21 มีนาคม 2023    มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ส่ง มร. ทาคาโอะ คาโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บินตรงมาเผยโฉมรถยนต์ มิตซูบิชิ เอ็กซ์อาร์ที คอนเซ็ปต์ ต้นแบบของรถกระบะ ไทรทัน รุ่นใหม่ ในชื่อแฝงขณะนั้นว่า มิตซูบิชิ เอ็กซ์อาร์ที คอนเซ็ปต์ รถกระบะขนาดกลางเจนเนอเรชั่นที่ 6 ของมิตซูบิชิ นับเป็นการออกแบบใหม่ทั้งคันเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ออกแบบด้วยเจตนาให้ดูดุดันสะดุดตา ตั้งแต่ด้านหน้ายันท้ายกระบะ เติมอารมณ์แกร่งด้วยเส้นนำสายตาจากกระโปรงหน้าสู่ด้านข้างตัวถังในแนวราบ มิตซูบิชิ เอ็กซ์อาร์ที คอนเซ็ปต์ คือภาพร่างที่แฟนกระบะมิตซูบิชิใช้คาดเดาเอาว่า นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน จะมีรูปโฉมมาในทิศทางใด ก่อนปิดท้ายสารที่ต้องการสื่อจาก มร. ทาคาโอะ คาโตะ ว่าในประเทศไทยจะมีการเปิดตัวรถ ไทรทัน ใหม่ ในเดือนกรกฎาคม 2023 

 

 

26 กรกฎาคม 2023 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เปิดตัวรถรุ่นใหม่ ออล-นิว ไทรทัน ปฏิวัติวงการรถกระบะในไทยเป็นที่แรกในโลกวันนั้น พร้อมประกาศราคาเปิดขายในไทยเป็นที่แรกในโลก ก่อนเตรียมเปิดตัวในภูมิภาคอาเซียนและโอเชียเนีย อีกทั้งมีแผนจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ในช่วงต้นปี 2024 พร้อมประกาศราคาและเริ่มจำหน่ายในไทยเป็นที่แรกในโลก

รุ่นซิงเกิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 699,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 820,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,016,000 บาท

 

 

การได้เห็น ออล-นิว ไทรทัน ในวันนั้นทุกคนที่อยู่ในงานตื่นเต้นโฉมใหม่ที่ได้รับการการออกแบบด้านหน้าไดนามิค ชิลด์ (Dynamic Shield) ที่ทีมผู้สร้างบอกว่ามันสะท้อนถึงสมรรถนะอันทรงพลัง เสริมความอุ่นใจในการปกป้องผู้โดยสารและตัวรถ ให้ความมั่นใจยกระดับให้ ออล-นิว ไทรทัน เป็นรถกระบะที่มีความแข็งแกร่งและทรงพลัง จากรูปทรงกระจังหน้าและซุ้มล้อสามมิติ มีกันชนหน้าที่ออกแบบเพื่อเน้นย้ำรูปทรงสะท้อนถึงพลัง ฝังไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ดีไซน์ราวกับสายตาเหยี่ยว ไฟใหญ่ดวงหน้า แบบสามมิติ ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะทำให้ ออล-นิว ไทรทัน เป็นกระบะที่มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวพร้อมสะกดทุกสายตา ขณะที่ท้ายกระบะออกแบบให้มีพื้นที่มากยิ่งขึ้น จุใจในทุกการบรรทุก ไฟท้ายรูปตัว T (T-shaped LED) การออกแบบภายในห้องโดยสารและแผงควบคุม ภายใต้แนวคิด Horizontal Axis ด้วยเส้นตรงแนวราบและรูปทรงที่แข็งแกร่ง คำนึงถึงประสบการณ์ในการใช้งานด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด

 

 

ไม่เหนือการคาดเดา ออล-นิว ไทรทัน มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II สำหรับรุ่น ดับเบิ้ล แค็บ และระบบ Easy Select 4WD สำหรับรุ่น ซิงเกิ้ล แค็บ  ที่มีการตรวจจับ     แรงบิดด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย (Limited Slip Differential: LSD) กระจายกำลังด้วยอัตราส่วนร้อยละ 40 ที่ล้อหน้าและร้อยละ 60 ที่ล้อหลัง วางใจในสมรรถนะการยึดเกาะถนนและประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง ระบบ Super Select 4WD-II ในออล-นิว ไทรทัน ระบบการขับเคลื่อนมีให้เลือก 4 รูปแบบ 2H (ขับเคลื่อนล้อหลัง) 4H (ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา) 4HLc (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง) และ 4LLc (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลางอัตราทดความเร็วต่ำ)พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ 7 โหมด ครอบคลุมการขับขี่ทั้งแบบออนโรด และแบบออฟโรด โหมดการขับขี่ Normal (ทั่วไป) และแบบ Eco (ประหยัด) Gravel (ทางลูกรัง)  Snow (ถนนลื่น พื้นปกคลุมด้วยหิมะ หรือขณะฝนตกหนัก) Mud (ลุยโคลน) Sand (พื้นทราย) Rock (พื้นหินตะปุ่มตะป่ำ)

 

 

สำหรับระบบ Easy Select 4WD สามารถเลือกใช้ระบบขับเคลื่อน 2H (ขับเคลื่อนล้อหลัง) 4H (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง) และ 4L (สำหรับการขับขี่ด้วยอัตราทดความเร็วต่ำ) ตอบโจทย์การใช้งานในเส้นทางที่หลากหลายระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ได้รับการติดตั้งพร้อมกับระบบ Super Select 4WD-II เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและแรงดันเบรกที่ล้อด้านในและนอกโค้งให้มีความสมดุลอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมาพร้อมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี แอคทีฟลิมิเต็ดสลิป (Brake Control Type) ซึ่งช่วยควบคุมแรงดันเบรกของล้อที่หมุนฟรี พร้อมส่งและกระจายกำลังไปยังอีกล้อหนึ่ง จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่น พร้อมกับมอบประสบการณ์ขับขี่ก้าวข้ามทุกอุปสรรค

 

 

เครื่องยนต์ประจำการเป็นคลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power Engine) พัฒนาให้ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น ด้วยกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ หรือ 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร พร้อมติดตั้งระบบเทอร์โบแปรผัน VG Turbo ที่ช่วยในการควบคุมแรงดันอากาศให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ มอบประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ให้เต็มสมมรรถนะ ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ เป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบ Sport ส่วนเกียร์ธรรมดาเป็นเกียร์ 6 สปีด (ระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบสวิตช์)

 

 

ภายในห้องโดยสารออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิต ตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่มสะดวกสบายในการใช้งานหลากหลายรูปแบบ และตกแต่งด้วยโครเมียมในหลายส่วนเพื่อสร้างบรรยากาศให้ทันสมัยแผงคอนโซลกลางทั้งของรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบ พร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิลิตร 4 ขวด ทุกพื้นที่ ทั้งกล่องเก็บของด้านหน้า ช่องวางสมาร์ทโฟน และช่องเก็บของขนาดเล็กอื่นๆ มีความกว้างขวางที่ใช้งานง่ายนอกจากนี้ แผงควบคุมด้านหน้าและคอนโซลกลางยังมีช่อง USB-A และ USB-C สำหรับการชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ และยังมีแท่นชาร์จไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม เบาะนั่งคู่หน้าออกแบบให้ช่วยหนุนแผ่นหลังส่วนล่าง 

 

 

ขณะที่พื้นที่ช่วงไหล่มีรูปทรงเปิดกว้างเพื่อความสบายในการขยับตัว ลดความเหนื่อยเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ ระยะของเบาะที่ตรงกับตำแหน่งสะโพกได้รับการขยับสูงขึ้น เพื่อช่วยปรับสรีระขณะขับขี่ให้อยู่ในท่าตรงโดยยังคงความคล่องตัวสะดวกสบายตามหลักสรีรศาสตร์ ทั้งพัฒนาเพิ่มทัศนวิสัยให้มองเห็นเส้นทางได้สะดวกจากภายในห้องโดยสาร นอกจากนี้ การเข้าและออกจากห้องโดยสารทำได้ง่ายขึ้นด้วยการออกแบบเสาด้านหน้าใหม่ ที่เป็นแนวตรงมากขึ้น ช่วยให้เปิดประตูได้กว้างขึ้น และเพิ่มพื้นที่บันไดข้างให้ใหญ่ขึ้น ลดโอกาสลื่นไถล ใช้งานได้สะดวกกว่าเดิม พร้อมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยสมัยใหม่ ออล-นิว ไทรทัน ไดมอนด์ เซนส์ (Diamond Sense) ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA)   

 

 

ราคา ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน

ซิงเกิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาเริ่มต้นที่ 699,000 บาท

ดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคาเริ่มต้นที่ 820,000 บาท

ดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาเริ่มต้นที่ 1,016,000 บาท

ความพิเศษ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท อยู่ตรงไหน?

 

 

วันเวลาผ่านไปจากวันนั้น(วันเปิดตัว) 26 กรกฎาคม 2023 จนถึงวันนี้ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน มีจำนวนประชากร วิ่งอยู่บนถนนเมืองไทย 4,686 คัน (มิตซูบิชิอยู่อันดับ4ยอดขายกระบะ) ล่าสุดก็ถึงวันนี้วันที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) พร้อมเปิดตัว ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท รุ่นท๊อป สุดของไลนอัพ มิตซูบิชิ ไทรทัน พร้อมจำหน่าย และพร้อมให้เราได้ทดลองขับ สิ่งแรกที่ต้องนึกถึงและต้องหาคำตอบให้หายคิดถึงคือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท มีอะไรแตกต่างและให้อะไรเพิ่มมากขึ้นจากราคาที่สูงกว่า ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน

สิ่งแรกที่แตกต่างคือคีย์เวิร์ดที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ใช้สื่อสารทางการตลาดให้ ผู้ที่จะซื้อ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ว่าคุณคือผู้มีอัตลักษณ์ตัวตนความแกร่งระดับขีดสุดกับ Beast Mode Design Concept ดุดัน ในแบบไม่ตามใครยกระดับไว้ใช้ขิงคนอื่น ด้วยอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษรอบคันเฉพาะรุ่น แอทลีท ที่ชัดเจนและเห็นได้แต่ไกลคือ ส้ม YAMABUKI ORANGE METALLIC และก็มีสีเทา สีดำ และสีขาว (ต้องเพิ่ม 10,000 บาท) และเมื่อมองเจาะลงไป แอทลีทจะมีทริมอุปกรณ์ตกแต่งกันชนหน้า สีดำตกแต่งด้วยสีไทเทเนียมรมดำ (Black Painted with Smoke Titanium Accent Front Bumper Garnishi) รวมถึงโป่งซุ้มล้อ สีดำเงา (Black Painted Over Fender Garnish) ภายในทูโทนสีส้ม-ดำ บุผ้าหลังคาสีดำ คอนโซลดำเดินด้ายสีสม เบาะนั่งทูโทนสีส้มสลับ Suede สีดำ เดินด้ายสีส้มแบบรังผึ้ง 

 

 

ทั้งยังมีฟีเจอร์หลากหลายมากมายให้ใช้ ซึ่งหลักใหญ่ของ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ที่มี 2 รุ่นย่อย นอกจากความต่างของระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อที่แยกรุ่นราคาชัดเจนแล้วรายละเอียดเหมือนกันตามนี้เลย 

  • เครื่องยนต์ 4N16 (SPH) (2442cc) ดีเซล คอมมอนเรล พร้อมเทอร์โบแปรผัน MIVEC
  • ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระแบบปีกนกสองชั้น คอยล์สปริงและโช้คอัพ (Double Wish Bone with Coil Spring and Shock Absorber)
  • ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว (Alloy 18 x 7 5J)
  • ขนาดยางหน้าและหลัง 265/60R18
  • ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (ACC – Adaptive Cruise Control)
  • ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS – Anti-Lock Braking System)
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA – Hill Start Assist)
  • ระบบเสริมแรงเบรก (BA – Brake Assist)
  • ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรก (EBD – Electronic Brake-Force Distribution)
  • ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก (Brake Override System)
  • ระบบเตือนการชนหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว และระบบตรวจจับคนเดินถนน (FCM – Forward Collision Mitigation)
  • ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW – Blind Spot Warning)
  • ระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (LCA – Lane Change Assist)
  • เซ็นเซอร์กะระยะจอด (Parking Sensors)
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC – Active Stability Control)
  • ระบบความคุมการลื่นไถล (TCL – Traction Control System)
  • ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS – Tire Pressure Monitoring System)
  • ไฟหน้าแบบ LED
  • ระบบเปิด/ปิดไฟอัตโนมัติ (Automatic Headlight)
  • ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (LED Daytime Running Light)
  • ไฟเลี้ยว LED ที่กระจกมองข้าง (LED Side Turning Light on Door Mirror)
  • ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ตกแต่งด้วยสีดำเงา (LED Front Fog Light)
  • ไฟท้าย LED (LED Rear Combination Light)
  • ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Rain Sensor with Auto-Wiper)
  • กระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถพร้อมสัญลักษณ์ “MITSUBISHI” (Material Black with “MITSUBISHI” Mark)
  • ราวหลังคา (Roof Rail)
  • หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ LCD 7 นิ้ว (7″ Color LCD Multi Information Display)
  • ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า เบาะด้านผู้ขับขี่ (Power Adjustment Lumbar Support – Driver Seat)
  • วัสดุหุ้มเบาะ : หนังกลับ และหนังสังเคราะห์สีดำ-ส้ม (Black-Orange Suede Knit and Synthetic Leather)
  • เบาะนั่งแบบปรับระดับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทางด้านผู้ขับขี่
  • ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger)
  • ระบบเครื่องเสียง แบบหน้าจอสัมผัส รองรับ FM/AM/MP3 ขนาด 9 นิ้ว (9″ Touchscreen Display Audio with FM/ AM/ MP3)

 

 

  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบแยกปรับอุณภูมิซ้าย-ขวา (Auto Dual Zone Air Conditioner)
  • ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง พร้อมระบบตัดการทำงานอัตโนมัติ (Rear Defogger with Timer)
  • ระบบหมุนเวียนอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง (Rear Air Circulator)
  • บลูทูธ (Bluetooth)
  • รองรับ Apple CarPlay เชื่อมต่อแบบไร้สาย
  • รองรับ Android Auto
  • ช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์ 2 ตำแหน่ง (DC 12V Accessory Power – 2 Positions)
  • ระบบนำทางในรถยนต์ (Embeded Navigation)
  • ถุงลมด้านข้าง และม่านถุงลม
  • กล้องมองภาพหลังขณะถอยจอด (Rearview Camera)
  • กล้องมองภาพรอบคัน (MAM – Multi Around View Monitor)
  • ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA – Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบป้องกันล้อหมุนฟรี แอคทีฟลิมิเต็ดสลิป แบบควบคุมด้วยระบบเบรก (Active Limited Slip (Brake Control Type))
  • ระบบตรวจจับและแจ้งเตือนวัตถุ หรือบุคคลที่เคลื่อนไหว จากกล้องรอบคัน (MOD – Moving Object Detection)
  • ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB – Automatic High Beam)
  • สวิตซ์ควบคุมครูซคอนโทรล แบบแปรผันอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control Switch)
  • เทคโนโลยีเชื่อมต่ออัจฉริยะ MITSUBISHI CONNECT
  • ระบบขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS ผ่านตัวรถ e-Call (SOS Emergency Asistance (e-Call))
  • ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อเกิดการชน (Automatic Crash Notification)
  • ระบบขอความช่วยเหลือบนถนน (Roadside Assistance)
  • ระบบควบคุมเครื่องปรับอากาศจากระยะไกล (Remote Air-Condition)
  • ระบบล็อก และปลอดล็อกประตูรถได้จากระยะไกล (Remote Door Lock / Unlock)
  • ระบบรายงาน และตรวจสอบสถานนะของรถยนต์ ค้นหาตำแหน่งรถยนต์ และกำหนดขอบเขตการใช้งานของรถ (Vehicle Status, Car Finder and Geofence Alerts)
  • อุปกรณ์ตกแต่งกันชนหน้า สีดำตกแต่งด้วยสีไทเทเนียมรมดำ (Black Painted with Smoke Titanium Accent Front Bumper Garnishi)
  • อุปกรณ์ตกแต่งซุ้มล้อ สีดำเงา (Black Painted Over Fender Garnish)
  • ระบบบังคับเลี้ยว : แรคแอนด์พิเนียนพร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (Steering System – Rack and Pinion with Electric Power Steering)

 

 

เครื่องยนต์ใหม่ 4N16 (SPH) (2442cc) ดีเซล คอมมอนเรล พร้อมเทอร์โบแปรผัน MIVEC HYPER POWER X² 2 Stage-Turbo Charger 204 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 470  นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,500-2,750 รอบ/นาที เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ของ ไทรทัน รุ่นธรรมดา เป็นเครื่องยนต์บล็อก 4N15 Single Stage-Turbo Charger 184 แรงม้า โดยเครื่องยนต์ 4N16 (SPH) ใน แอทลีท ยังมีการอัพเกรด เพิ่มวาล์วระบายแรงดันน้ำมันเครื่องด้วยวาล์วแปรผันอิเล็กทรอนิกส์ลดการเสียดสีของแรงดันน้ำมัน อีกทั้งยังทนทานด้วยโซ่ไทม์มิ่ง 

 

 

ราคา ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท

ดับเบิ้ล แค็บ แอทลีท AT ราคา 1,125,000 บาท

ดับเบิ้ล แค็บ แอทลีท 4WD AT ราคา 1,298,000 บาท 

 

 

ของดีล้น หล่อสมชาย แค่ถ่ายรูปไม่ขึ้น

ทำความรู้จักรับทราบที่มากันแล้วได้เวลาล้อหมุน การทดสอบหรือจะเรียกว่าทดลองขับก็แล้วแต่ถนัด  ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ในครั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เตรียมรถไว้ใน   ทริปนี้ กว่า 10 คัน แน่นอนว่าทุกคันเป็น All-New Mitsubishi Triton Athlete 4WD โดยกว่าค้อนฝูงเป็นสีส้ม YAMABUKI ORANGE METALLIC (สีโปรโมท) เรา (ทีมincarsmagazine) เป็นหนึ่งใน กว่า 10 คันที่จะลงมือทำความรู้จักกับ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท บนเส้นทาง (ไป-กลับ) รวมกว่า 300 กิโลเมตร จุดหมายวันแรกของวันคือที่ป่าสนวัดจันทร์ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 141 กิโลเมตร ตั้งอยู่เขตอำเภอกัลยาณิวัฒนาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเชียงใหม่ใกล้กับ อำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน สภาพเส้นทางแม้จะเป็นทางดำ (ถนนลาดยาง) แต่สภาพทางกายภาพของถนนตลอดเส้นทางสูงชัดและคดเคี้ยว ทำให้การเดินทางใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมง 

 

 

เราออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ด้วยเส้นทางมุ่งหน้าดอยสะเก็ด เข้าสู่ อำเภอสะเมิง ตลอดเส้นทางช่วงนี้ เครื่องยนต์ 4N16 (SPH) (2442cc) ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน MIVEC HYPER POWER X² 2 Stage-Turbo Charger 204 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,500-2,750 รอบ/นาที ของออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีทที่ได้รับบรีฟก่อนการเดินทางนั้นสร้างความอุ่นใจให้เราได้มากว่า เราสามาถผ่านเส้นทางไต่ระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเล ปลานกลางกว่า 1000 เมตรได้สบายๆ ที่เหลือก็แค่ควมคุมคอนโทรลพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (ไม่มีใน มิตซูบิชิ ไทรทันรุ่นปกติ) พลังแรงบิดของเครื่องยนต์ ช่วยได้มากกับทางชัด และมันก็มันส์มากกับการควบคุมพวงมาลัยไฟฟ้าที่เซ็ตมาแบบตึงๆ ไม่ถึงกับคม แต่เมื่อเริ่มชินก็จะรับรู้ได้ว่ามันเข้ากันดีกับจังหวะพลังเรื่องยนต์ที่แสดงออกมาทางแรงบิดเมื่อเติมคันเร่งผ่านเนินโค้งหักศอก 

 

 

ในช่วงกลางของเส้นทาง เริ่มโหดมากเรื่อยๆ ทั้งชันทั้งแคบสลับกับโค้งพับผ้า (แคบกว่าหักศอก) แถบมีทางลงเข้าแบบดำดิ่ง ที่ต้องปรับสลับแรงบิดที่มีให้กลายเป็นเอนจิ้นเบรกเพื่อความปลอดภัย ระบบเบรกเป็นอีกหนึ่งระบบที่ต้องชมว่าเซ็ตอัพมาดีมากกับสภาพเส้นทางแบบนี้ สามารถชะลอความเร็วในขณะที่ตัวรถไม่ขนาดระนาบกับพื้นถนนได้ดี กระจายแรงเบรกได้เนียน รวมถึงขณะขับตามกันไปในรูปแบบคาราวานที่ต้องทิ้งระยะห่างจากคันหน้า เพื่อความปลอดภัย แต่ต้องไม่ปล่อยให้คันหน้าทิ้งเราไปจนไม่เห็นหลังไวไว เราเติมคันเร่งอย่างสนุก จนในบางโค้งเติมคันเร่งตามคันหน้ามากไปในโค้งทำเอาเกิดอาการท้ายออกเสียงยางหลังส่งเสียงฟ้องให้ต้องผ่อนระยะให้คันหน้าทิ้งห่างออกไป 

 

 

ก็ตั้งข้อสังเกตุกับตัวเองและเพื่อนร่วมคันกันว่า ทำไมคันหน้าไปได้เร็วกว่าเรา เข้าโค้งคมเนียนกว่าเรา เล่นเอาเราตามไม่ทัน ข้อสังเกตุนี้มีคำตอบและสามารถเฉลยให้รู้คำตอบว่าคนที่ขับรถคันหน้าเราไม่ได้เก่งกาจมาจากไหน หรือไม่ได้เป็นนักแข่งรถแต่อย่างได เหตุที่ไปได้เร็วกว่าเราคือพวกเขาใช้ ระบบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4H ขับเคลือนสี่ล้อในความเร็วสูง เรามาถึงบางอ้อก็ช่วงปลายใกล้ถึงที่หมายป่าสนวัดจันทร์ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ออกจาก ป่าสนวัดจันทร์ จะหวดเจ้า ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท สีส้มคันนี้ กลับเชียงใหม่ ด้วยโหมด 4WD HIGH-RANGE สัญญา 

 

 

เช้าวันที่ 2 ของการเดินทาง วันนี้เราจะกลับเข้าเชียงใหม่ ทางอำเภอปาย สายแม่แจ่ม เข้าอำเภอแม่แตง ระยะทางบวกลบกว่า 100 กิโลเมตร เส้นทางคล้ายเมื่อว่าแต่สภาพผิวถนนดีกว่าและกว้างกว่า  9โมงเช้าล้อหมุนออกจาก ป่าสนวัดจันทร์ ที่เมื่อคืนเล่นเอาพวกเราแทบแย่กับอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศา สำหรับเช้านี้ เราบอกลา ป่าสนวัดจันทร์ ด้วยอุณหภูมิ 12 องศา มุ่งหน้าอำเภอทางไปอำเภอฝาง ทางไปแม่แจ่ม ผ่านแยกอำเภอพร้าว ลงพื้นราบที่อำเภอแม่แตง ผ่านแม่ริม เข้าตัวเมืองเชียงใหม่ กว่า 100 กิโลเมตรบนทางดำที่มีไหล่ทาง แต่ยังคงความคดเคี้ยว ไล่ระดับความสูงขึ้นลงอยู่เป็นระยะ  

 

 

เครื่องยนต์ 4N16 (SPH) (2442cc) ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน MIVEC HYPER POWER X² 2 Stage-Turbo Charger 204 แรงม้า ส่งกำลังลงพื้น ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ถ่ายทอดกำลังลงล้อทั้ง 4 ด้วยโหมด 4WD HIGH-RANGE บวกพวงมาลััยไฟฟ้า ที่ตอนแรกคาดว่าเมื่อปรับมาใช้ขับ 4 วิถีวงเลี้ยวคงต้องกว้าง คงต้องวางตำแหน่งล้อเผื่อเพื่อผ่านโค้งหักศอกแคบๆ กันเหนื่อยแน่ แต่เอาเข้าจริงๆ การปรับมาเป็นขับ 4 ไม่มีผลต่อรัศมีวงเลี้ยวชนิดที่จะรู้สึกได้ชัดเจน เมื่อเบาใจในเรื่องควบคุมตัวรถให้ไปได้ดีและเร็ว (ตามคันหน้าได้ทันและไปได้เนียนแบบเค้า) จึงมีเวลาพอที่จะสังเกตุจับจังหวะเกียร์ที่ต้องยอมรับว่าฉลาดทันใจในทุกสถานการณ์ เมื่อเติมคันเร่งเกียร์จะชิฟดาวน์ให้ทันใจและหากยังไม่พอเติมคันเร่งเข้าไปอีกระบบก็จะชิฟดาวน์ให้อีกจังหวะเพื่อส่งกำลังผ่านเนิ่นชันได้แบบราบเรียบ และเมื่อยกคันเร่งเกียร์ก็จะชิฟดาวน์ให้เช่นกัน เมื่อจับได้ว่าตัวรถกำลังลงเนิน และหากมีการแตะเบรกเพิ่ม ระบบก็จะชิฟดาวน์ให้อีกจังหวะ กลายเป็นเอนจิ้นเบรกไปในบัดดล 

 

 

ขอแว็บมาที่ห้องโดยสารแพร๊บดีดนิ้วชูนิ้มโป้งให้เลยว่า ภายในห้องโดยสาร 2 โทน ส้ม-ดำ ทำได้สวยรวยรสนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผิวส่วนเบาะนั่งที่ผู้ขับและผู้โดยสารต้องโดนใช้วัสดุหรูหราดี และที่สำคัญภายในห้องโดยสารเงียบขึ้นกว่า ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นปกติมากอยู่ ระบบช่วงล่างยังคงสไตล์กระบะ นิ่งนุ่มระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับแข็ง เซ็ตมากลางๆ นั่งโดยสารอาจไม่ถึงกับหลับได้ยาว เพราะช่วงผ่านถนนขรุขระมีอาการสะท้อนขึ้นห้องโดยสารอยู่บ้าง แต่ข้อดีก็มี เมื่อวิ่งผ่านทางกรวดทางลูกรังที่อุดมไปด้วยหลุมบ่อ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท กลับรูดได้แบบระนาบเลยทีเดียว

 

 

ส่วนรูปทรงดีไซน์ ตอนเปิดตัวออกมาแรกๆ สร้างความสนใจได้มากทีเดียว แต่อย่างว่าความสวยงามมันคือรสนิยม ชอบได้ไม่เหมือนกัน จากที่ได้สอบถามเก็บข้อมูล มาระดับหนึ่งส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าน่าจะประกบกระจังหน้าใหม่ ให้เข้าใกล้สายแฟชั่นสักนิดน่าจะดีขึ้น (เขาว่ามา) ส่วนตัวเรา เราว่า ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท แค่ถ่ายรูปไม่ขึ้น แต่ตัวจริงหล่อนะเราว่า

 

 

เอาเป็นว่ากับระยะทางกว่า 100 ก.ม. ที่อยู่หลังพวงมาลัย ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วสูง ทำให้เราควบคุมคอนโทรลรถกระบะคันใหญ่แบบนี้ผ่านเส้นทางแบบนี้ได้แบบไม่อายสองแถวเจ้าถิ่นที่ชินทางกันเลยทีเดียว สุดท้ายแล้ว กับการอยู่บนดอยกับ All-New Mitsubishi Triton Athlete 4WD ระยะทางกว่า 300 ก.ม. ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงในเรื่องของสมรรถนะ กับราคาค่าตัวล้านต้นๆ ที่ฟีเจอร์ให้มาท่วมคัน ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท น่าจะเป็นตัวสอดแทรกสร้างตัวเลขยอดขายให้เพิ่มขึ้นจาก 5 พันคันอยู่ในอันดับ 4 ของตารางยอดขายกระบะ 1 ตันในบ้านเรา เอาใจช่วยครับ