ทดลองขับ Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ MY2023

รีวิวทดลองขับ

เตมีย์ ลิ้มตระกูล

เชียงราย 24 กุมภาพันธ์ 2566 

“เทรนด์”ของคนใช้รถย้อนกลับไปปี90’s ในยุคนั้นรถใหม่ป้ายแดงมันจะดูขัดใจไม่สมบูรณ์แบบในสายตาของวัยรุ่นยุค 90’s ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย สีมันต้องได้ตามรุ่นที่มีขายในอีกฝั่งของโลก ล้อสเป็คพิเศษ ยางบางนุ่ม เครื่องเสียงต้องเพิ่มกำลังวัตต์สูง เพื่อพลังเสียงสะท้านสะเทือนใจ ยันตับไตไส้พุงผ่านลำโพงซับวูฟเฟอร์ขนาด 8 นิ้วเป็นอย่างต่ำ เรียกว่ากำลังเงินมีเท่าไหร่เทใส่ลงมาที่รถคันโปรดหมด รถยนต์คือความผูกพันธ์ขั้นสูงสุดของชาย (ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย) ผู้หลงไหลในยนตรกรรม

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปไล่มาตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 หรือที่เรียกกันแบบย่อว่า Y2K ไทม์ไลน์ช่วงเวลานี้คือยุคออนไลน์เทคโนโลยีมีเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงคนทั้งโลกให้สามารถสื่อสารกันได้อย่างอิสระชนิดไร้ขอบเขตมีเกทมีประตูเชื่อมต่อถึงกันหมด เมื่อเป็นแบบนี้ โลกของศิลปะ โลกของดนตรีและเพลง ตลอดจนโลกของแฟชั่นการแต่งกายจึงเริ่มแพร่หลายไปตามกระแสโลก หรือ ”เทรนด์” การเปลี่ยนแปลงจึงไปในทิศทางเดียวกัน

 

โลกยานยนต์ของเราก็เช่นกัน “เทรนด์” ของคนใช้รถยุค 90’s ถึงวันนี้อายุก็เลยหลักสี่เกือบถึงสะพานใหม่ไม่ก็เลยตลาด     ยิ่งเจริญไปแล้ว สถานะทางการเงินมั่นคงมีสถาบันครอบครัวแข็งแรง มุมมองความหลงไหลใน     ยนตรกรรมเริ่มเปลี่ยนไป หันมามองรถยนต์เป็นสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นพาหนะสำหรับขนถ่ายย้ายผู้โดยสารจากจุดหนึ่งด้วยความสะดวกสบายและปลอดภัยในฐานะรถเอนกประสงค์ คนกลุ่มนี้จะเลือกซื้อรถยนต์ประเภทนี้เป็นคันที่สองหรือสาม ส่วนผู้คนรุ่นใหม่หลัง Y2K ไป ชอบความเป็นส่วนตัว รถยนต์ถือเป็น พาหนะ หากเลือกซื้อแพงไปจะเป็นภาระ ไม่มีความผูกพันธ์ต้องการรถยนต์ที่มีพร้อมมีครบจบในคันเดียว ด้วยสนนราคาที่คุ้มค่าคุ้มราคาสูงสุด รวมถึงขนาดครอบครัวเริ่มเล็กลง จากแยกออกมาสร้างครอบครัวของตนเอง เมื่อเป็นเช่นนี้รถยนต์ที่ครอบครัวใหม่ลักษณะนี้ต้องการ รถยนต์เอนกประสงค์ ประเภท MPV (Multi-Purpose Vehicle) หรือ Sub-Compact Minivan 7 ที่นั่ง บางยี่ห้อก็ใช้คำว่า Crossover ก็แล้วแต่จะเรียก 

ในประเทศไทยตลาดรถยนต์ประเภทนี้เติบโตขยายความต้องการแบบก้าวกระโดดคล้อยตามกระแสโลกที่รถยนต์ประเภท SUV (Sport Utility Vehicle) ได้รับความนิยมสูงสุด โดยเฉพาะกับฝั่งโลกที่ประชากรมีรายได้สูง แต่กับฝั่งประเทศทีประชากรมีรายได้ระดับปานกลาง รถยนต์เอนกประสงค์ ประเภท MPV (Multi-Purpose Vehicle) หรือ Sub-Compact Minivan 7 ที่นั่ง จะเป็นที่นิยม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือประเทศ อินโดนีเซีย ที่มีจำนวนประชากรราว 280 ล้านคน (อันดับ 1 อาเซียน อันดับ 4 ของโลก) เป็นประเทศที่รถยนต์ประเภทนี้ได้รับความนิยมสูงสุด จึงไม่น่าแปลกใจที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่หลายค่ายโดยเฉพาะจากญี่ปุ่นจะไปตั้งฐานการผลิต เพื่อผลิตรถยนต์ MPV (Multi-Purpose Vehicle) หรือ Sub-Compact Minivan 7 ที่นั่ง ซึ่งเป็นรถยนต์ทรงที่ได้รับความนิยมสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น Honda BR-V,Toyota Avanza หรือ Veloz Suzuki Ertiga/XL-7 รวมถึง Mitsubishi Xpander พระเอกต้นเรื่องของเราในรีวิวทดลองขับในครั้งนี้ 

Mitsubishi Xpander เปิดตัวครั้งแรกเมื่อกลางปี 2017 แน่นอนว่าอีเว้นท์นี้เกิดขึ้นที่อินโดนีเซีย หลังเปิดตัว Mitsubishi Xpander ประสบความสำเร็จอย่างสูงในบ้านเกิดก้าวขึ้นเบอร์1 ยอดขายในกลุ่มรถยนต์ประเภทนี้ ถัดจากนั้นหนึ่งปี (กลางปี2018) Mitsubishi Xpander ถูกนำเข้าจากอินโดนีเซียมาเปิดตัวแนะนำในประเทศไทยและได้รับการตอนรับอย่างล้นหลามเกินความคาดหมายของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ประเดิมด้วย 2 รุ่นหลัก GLS-Ltd ราคา 779,000 บาท และรุ่น GT ราคา 849,000 บาท  หลังจัดที่ทางวางตำแหน่งลงโชว์รูมเข้าที่ Mitsubishi Xpander เริ่มเก็บยอดสะสม ยอดขายกว่า 44,000 คัน (ตัวเลขปี2022) ปรากฎกาลนี้ทำให้ ค่ายรถยนต์คู่แข่งที่เป็นเจ้าตลาดอย่าง Toyota ซึ่งมี Avanza ในโชว์รูม จำเป็นต้องปรับแผนสู้ด้วยการนำเข้า Veloz มาทำหน้าที่แทน Avanza ที่ย้ำอยู่ในตลาดนานมากแล้ว พร้อมๆกับทัพ MPV จากญี่ปุ่น ทั้ง Honda BR-V และ Suzuki Ertiga/XL-7 ลงตลาดปี 2022 กันคึกคัก  

และเมื่อเวลาผ่าน Xpander เริ่มมีปัญหาเรื่องความสดใหม่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ชิงเปิดตัว Xpander Minorchange MY 2022 เพื่อรั้งยอดขายให้ค่ายคู่แข่งชะงัก ปรับลุคภายนอกภายในใหม่ ทั้ง 2 รุ่น พร้อมปรับราคาขึ้นเป็น รุ่น GLS LTD ราคา 799,000 บาท,รุ่น GT 895,000 บาท ส่วนเครื่องยนต์ยังเป็นเครื่องยนต์เดิม เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 16 วาล์วแปรผัน MIVEC ฝั่งไอดี ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังลงล้อคู่หน้าผ่านเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT

การมาของ Mitsubishi Xpander Cross

ในส่วนของ Mitsubishi Xpander รุ่นพิเศษ ที่เติมคำว่า Cross เข้าไปเริ่มต้นเมื่อปี 2020 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ขยับปรับทัพ Mitsubishi Xpander อีกครั้งด้วยการเปิดตัว Mitsubishi Xpander Cross มาพร้อมแนวคิด “อีกขั้นกับ SUV ที่เป็นคุณ ”เหลารูปลักษณ์ใหม่ให้ลุคแข็งแกร่งแทรกมัดกล้าม ดามหน้าใหม่ DYNAMIC SHIELD เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ไฟหน้า LED มีไฟตัดหมอก LED แผงแต่งข้างประตูและซุ้มล้อสีดำ ล้ออัลลอยสีทูโทน 17 นิ้ว พร้อมยกระยะความสูงใต้ท้องรถ 225 มม. สูงกว่า 2 รุ่นมาตรฐาน 20 มม.เครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เช่นเดียวกับตัว GLS และ GT ตั้งราคาขายในวันเปิดตัว (16 มีนาคม 2020) 899,000 บาท จนถึง 30 มิถุนายน 2020 นี้  หลังจากนั้นปรับราคาขึ้น 4 หมื่นบาท เป็น 939,000 บาท มิติตัวรถมีความยาว 4,500 มิลลิเมตร กว้าง 1,800 มิลลิเมตร สูง 1,750 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,520/1,510 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,775 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถ 1,280 กิโลกรัม

ภายนอก รุ่นปี 2020

  • ด้านหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Advanced Dynamic Shield 
  • ด้านหลังดีไซน์ใหม่ พร้อมติดตั้งกันชนท้ายและแผ่นกันกระแทกแบบใหม่ ดีไซน์แบบ 3 มิติ 
  • ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่แบบสีทูโทนขนาด 17 นิ้ว
  • ไฟหน้าและไฟท้ายดีไซน์รูปตัว T ติดตั้งทั้งอยู่กับตัวรถ 
  • เพิ่มความสูงขึ้นอีก 15 มม. ทำให้รถมีความสูง 220 มม.

ภายใน รุ่นปี 2020

  • ห้องโดยสารดีไซน์ใหม่แบบ Horizontal Axis 
  • พวงมาลัยสามก้านดีไซน์ใหม่ ทรงสปอร์ต
  • เบาะนั่งออกแบบใหม่มาที่มาพร้อม Heat Guard
  • ห้องโดยสารสีทูโทน สีน้ำตาล-ดำ เย็บตะเข็บจริงสำหรับที่พักแขน และแผงประตูข้าง
  • คอนโซลกลางใหม่ ที่มีถาดเก็บของแบบเปิดขนาดใหญ่ 
  • เพิ่มช่อง USB 2 ช่องสำหรับเบาะแถวที่สอง แบบ Type-A และ Type-C พร้อมช่องจ่ายกระแส ไฟ DC ขนาด 12 โวลต์ 
  • ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล พร้อมฟังก์ชัน Max Cool และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลังแบบแยกส่วน
  • หน้าจอระบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์
  • ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ Eco-dynamic CVT
  • ระบบ Brake Auto Hold 
  • ด้านหน้าเพิ่มเหล็กกันโคลงและเหล็กค้ำหัวโช้ค ด้านหลังโช้คอัพให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น

Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ MY2023

สำหรับ Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ MY2023 รุ่นล่าสุด เปิดตัว อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2023 มิตซูบิชิให้คำจำกัดความว่าเป็น รถยนต์เอสยูวี 7 ที่นั่งรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ด้วยดีไซน์ให้สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน ให้อยู่ในทรงของ MPV แต่มีความเป็น SUV แฝงอยู่เล็กๆ โดยดึงจุดเด่นที่เป็นดีเอ็นเอสำคัญของรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มาผสมผสานเพิ่มความพรีเมี่ยมของรถคอมแพกต์เอสยูวี และกลายเป็น รถครอสโอเวอร์ ในรูปแบบที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ให้ได้ครบทุกความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ โดยเฉพาะผู้ขับขี่และครอบครัวที่รักการผจญภัย ออกทริปเอาท์ดอร์ แบบไม่สมบุกสมบันถึงขั้นต้องใช้รถ SUV ขับเคลื่อน 4 ล้อ 

ทั้งยังเพิ่มจุดขายด้วยการเติมเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ เป็นฟังก์ชั่น “เอวายซี” (Active Yaw Control: AYC) ให้ความปลอดภัย เสถียรภาพการทรงตัว ในหลากหลายสภาพถนนและสภาพอากาศที่แตกต่าง ส่วนการทำงานของระบบ AYC นี้เป็นอย่างไรจะอธิบายให้ฟังในช่วงทดลองขับ ส่วนมิติตัวรถแตกต่างจากรุ่นก่อนนี้เล็กน้อย มีความยาว (ยาวขึ้น) 4,595 มิลลิเมตร กว้าง(ลดลง) 1,790 มิลลิเมตร (ปรับให้แก้มด้านหน้าสมดุลกับขนาดล้อและยาง) สูง (เท่าเดิม) 1,750 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง(เท่าเดิม) 1,520/1,510 มิลลิเมตร ฐานล้อ(เท่าเดิม) 2,775 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถ 1,280 กิโลกรัม ตั้งราคาขายในวันเปิดตัว ( 17 กุมภาพันธ์ 2023) 946,000 บาท เพิ่มขึ้น 7,000 บาทจากรุ่นเดิม

สีตัวถังมีให้เลือก 4 สี โดยมีสีโปรโมทใหม่ คือ สีเขียว (Green Bronze Metallic) พร้อมด้วยสีขาวมุก (Quartz White Pearl) สีเงิน (Blade Silver) และสีเทา (Graphite Gray) พร้อมกับมีสีทูโทนอีก 2 สไตล์ ได้แก่ สีเขียวหลังคาดำ (Green Bronze Metallic with Black Roof) และสีขาวหลังคาดำ (Quartz White Pearl with Black Roof)

ภายนอก รุ่นปี 2023

  • ด้านหน้า,ด้านข้าง,ด้านหลังแต่งเติมให้มีความบึกบึนแข็งแกร่งขึ้น (ใหม่)
  • ด้านหน้าดีไซน์ใหม่แต่ยังคงเรียว่า Advanced Dynamic Shield (ใหม่)
  • ด้านหลังดีไซน์ใหม่ กันชนท้ายและแผ่นกันกระแทกแบบใหม่ ดีไซน์แบบ 3 มิติ (ใหม่)
  • ล้ออัลลอยลายใหม่สีทูโทนขนาด 17 นิ้ว (ใหม่)
  • ไฟหน้า Full LED , ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน และไฟท้าย LED( LED Low and High Beam Headlight) (ใหม่)
  • ระบบควบคุมเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ (ใหม่)
  • ไฟตัดหมอก LED
  • สีตัวรถแบบทูโทน(หลังคาสีดำ) (ใหม่)
  • ใต้ท้องรถมีความสูง 220 มม.

ภายใน รุ่นปี 2023

  • ห้องโดยสารดีไซน์ใหม่แบบ Black-Navy Interior (ใหม่)
  • พวงมาลัยสามก้านดีไซน์ใหม่ ทรงสปอร์ต แบบเดียวกับที่ใช้ในปาเจโร สปอร์ต (ใหม่)
  • เบาะนั่งออกแบบใหม่มาที่มาพร้อม Heat Guard
  • ห้องโดยสารสีทูโทน สีน้ำตาล-ดำ เย็บตะเข็บจริงสำหรับที่พักแขน และแผงประตูข้าง
  • คอนโซลกลางใหม่ ที่มีถาดเก็บของแบบเปิดขนาดใหญ่ 
  • ไฟหน้า Auto (ใหม่)
  • กระจกมองหลัง Auto (ใหม่)
  • ก้านปัดน้ำฝน Auto มีระบบ Front Rain Sensor (ใหม่)
  • เพิ่มช่อง USB 2 ช่องสำหรับเบาะแถวที่สอง แบบ Type-A และ Type-C พร้อมช่องจ่ายกระแส ไฟ DC ขนาด 12 โวลต์ 
  • ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล พร้อมฟังก์ชัน Max Cool และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลังแบบแยกส่วน
  • หน้าจอระบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์
  • หน้าจอแสดงมาตรวัดการขับขี่ LED ขนาด 8 นิ้ว ปรับกราฟฟิกได้ 3 รูปแบบ (ใหม่)
  • ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ Eco-dynamic CVT
  • ระบบ Brake Auto Hold 
  • ด้านหน้าเพิ่มเหล็กกันโคลงและเหล็กค้ำหัวโช้ค ด้านหลังโช้คอัพปรับวาล์วแรงดันภายในใหม่ให้สามารถรองรับซัพพอร์ตแรงกระแทกได้ดีขึ้น

สมรรถนะและเทคโนโลยีความปลอดภัย

  • AYC หรือ Active Yaw Control (ใหม่)
  • ABS,EBD,BA,ASC,HSA,TCL,TRC

ลองขับแล้วมาเล่า

การทดลงขับ Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ MY2023 ครั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ได้เชิญเราเข้าร่วมทริปทดลองขับกันที่ จังหวัดเชียงรายบนเส้นทางที่คัดสรรแล้วว่าท้าทายสมรรถนะ Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ คันนี้ โอเวอร์วิวเส้นทางการทดลองขับ เราออกจากที่พัก มุ่งหน้าถนนบายพาสเชียงราย แล้วตัดเข้าเชื่อมต่อถนนพหลโยธินมุ่งหน้าอำเภอแม่สรวย ก่อนจะเลี้ยวขวาขึ้นดอยช้าง สภาพเส้นทางมีทั้งถนนหลวงราดยาง ทางดำ ทางคอนกรีดแคบๆ ที่คดเคี้ยวไต่ระดับความสูงขึ้นสู่ดอยช้าง ระยะทาง 68 กิโลเมตร พักดื่มกาแฟชมวิวทิวเขา (หัวโล้น) ก่อนจะกลับขับลงทางคอนกรีตแคบๆ ที่คดเคี้ยวลดระดับความสูงลงทางราบมุ่งหน้า สิงห์ปาร์ค ระยะทาง 45 กิโลเมตร 

สภาพเส้นทางช่วงนี้นับว่าเป็นโจทย์ที่โหดมากเสมือนการท้าทายเครื่องยนต์ เกียร์ และระบบช่วงล่าง ของ Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ MY2023 เพราะช่วงขึ้นบางจังหวะไม่สามารถเดินคันเร่งเลี้ยงรอบเครื่องยนต์เพื่อส่งตัวรถขึ้นเนินได้ เนื่องจากต้องเจอทางโค้งแคบๆ แล้วมีรถส่วนลงมา ต้องยกคันเร่งแล้วเปลี่ยนมาเป็นแตะเบรก ซึ่งจากจุดนี้ต้องเริ่มใหม่ ใช้คันเร่งแบบเริ่มต้น รอบเครื่องยนต์ ทะลุขึ้นไปกว่า 4,000 รอบ/นาที จนรู้สึกได้ว่าเครื่องยนต์กับเกียร์ ECO-Dynamic CVT สื่อสารส่งสัญญาณทำงานประสานกันถี่ยิบ รวมถึงบางจังหวะต้องจมคันเร่งเพื่อให้พุ่งขึ้นไปถึงยอดเนิน จังหวะแบบนี้เสียงเครื่องยนต์จะคำรามหนักมาก จนรู้สึกหวั่นว่ามันจะไหวมั๊ย 

ทั้งเครื่องและเกียร์ แน่นอนว่าเราไม่รอเวลาให้เครื่องยนต์หรือเกียร์พังในตอนที่ Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ MY2023 ถึงมือลูกค้า เราสอบถามไปยังส่วนรับผิดชอบได้คำตอบมาว่า เหตุผลหนึ่งที่เลือกเส้นทางการทดลองขับในครั้งนี้ โจนท์หนึ่งที่ต้องหาคำตอบเพื่อพิสูจน์ความทนทาน ซึ่งทาง Mitsubishi เคลมว่า เครื่องยนต์สามารถทนต่อสถานการณ์เช่นนี้ได้สบายเพราะ Red Line หรือจุดวิกฤตของเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC DOHC 1.5 ลิตร ของ Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ MY2023 อยู่ที่ 6,500 รอบ/นาที สบายมาก ในส่วนของเกียร์ ECO-Dynamic CVT ที่ต้องเปลี่ยนปรับยืดหดลดขยายตลอดเวลาลูกนี้ก็อึดถึกทนเพราะมี ระบบระบายความร้อนน้ำมันเกียร์ด้วยน้ำ ได้ทราบแบบนี้ก็เบาใจหายห่วง หวดช่วงลงทางชันขาลง 45 กิโลเมตร อย่างคึกคัก

จนเข้าเขตสิงห์พาร์คพักทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารภูภิรมณ์ก่อนจะเข้าสู่ สเตชั่น เดิร์ท โรด (เส้นทางลูกรังที่ปกคลุมด้วยฝุ่น) ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร เพื่อใช้ทดลองขับทดสอบเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยพวกระบบป้องกันและปกป้อง การเสียการควบคุมการทรงตัวของรถที่ชื่อ AYC หรือ Active Yaw Control ที่นำมาติดตั้งในรถยนต์บ้านอย่าง Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ MY2023 เป็นครั้งแรก ซึ่งระบบนี้ ปกติจะติดตั้งในรถ สมรถนะสูง (ราคาสูง) ของ Mitsubishi เช่น  ปาเจโร และพวกตระกูลอีโวลูชั่น

รวมถึงระบบ ABS,EBD,BA,ASC,HSA,TCL,TRC ที่มีติดตั้งมาแล้วตั้งแต่รุ่นก่อน การทำงานของระบบ AYC ตามทฤษฎีจะเริ่มทำงานที่ 15 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป และจะทำงานตอนขณะเข้าโค้งเท่านั้น เมื่อใดก็ตามระบบ AYC จะทำงานขณะเข้าโค้งตัวรถต้องมีความเร็วจากการกดคันเร่ง หากขับด้วยความเร็ว 80 เมื่อถึงโค้งแล้วยกคันเร่งปล่อยไหลเหวี่ยงเข้าโค้งระบบ AYC จะไม่ทำงาน เพราะระบบจะทำงานต้องมีเซ็นเซอร์สั่งสัญญานจากคันเร่ง สัณญาญจาก Yaw เซ็นเซอร์ และสัญญาณจากเซ็นเซอร์แรงจี 

อ่านตรงนี้แล้วดูเหมือนกว่าระบบจะทำงานนั้นยุ่งยาก แต่ไม่นะ AYC จะทำงานช่วยเหลือผู้ขับและผู้โดยสารง่ายมากหากขับรถเลี้ยวโค้งในทางที่มีโคลนเลนเคลือบบนผิวถนนแบบฉับพลัน (หรือถนนที่มีหิมะหรือน้ำแข็งเกาะ) ระบบจะสั่งตัดกำลังลงล้อเพื่อป้องกันการไถลออกนอกทาง ทั้งนี้ หากบางจังหวะระบบ AYC ไม่ถึงระดับที่ต้องทำงาน เรายังมีระบบ ABS,EBD,BA,ASC,HSA,TCL,TRC รับไม้ส่งต่อจัดเก็บอาการผิดปกติของตัวรถตามหน้าที่ของใครของมันตลอดเวลาที่เครื่องยนต์ยังติดอยู่ ดังนั้นสบายใจได้ 

ในช่วงแรกที่ลงลุยทาง เดิร์ท โรด ผู้เขียนจับอาการของช่วงล่างและการทำงานของโช้คอัพสเป็คใหม่แอบชื่นชมเพราะในสภาพเส้นทางแบบนี้ ตัวรถสามารถวิ่งผ่านไปได้แบบแนบเนียน ห้องโดยสารมีอาการโคลงเคลงเป็นธรรมดาความสะเทือนที่ส่งมาจากด้านล่างมีให้รับรู้ได้ แต่เป็นการสะเทือนแบบถี่ๆ ไม่เด้งสูงลงสุด อันนี้น่าจะเป็นข้อดี จากสเป็คช่วงบั๊มของโช้คอัพที่เซ็ตมาใหม่สามารถรูดบนทางขรุขระได้แบบยาวๆโดยไม่เสียอาการซึ่งการเซ็ตอัพช่วงลางในทางลักษณะอย่างนี้ Mitsubishi ทำได้ดีเพราะทีมผู้สร้างน่าจะได้ข้อมูลดีๆจากทีมแข่งแรลลี่อาร์ทที่ลุยแข่งทางสุดโหดกวาดรางวัลมาแล้วทั่วโลก อันนี้ชม

อีกหนึ่งไฮไลท์ในทาง Mitsubishi แถมให้ในช่วงเดิร์ท โรด ผู้จัดได้จำลองสภาพเนินชันพื้นผิวทางลูกรังเพื่อทดสอบระบบ TRC หรือ Traction Control System ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบ TRC จำเป็นมากสำหรับรถยนต์ที่บอกตัวเองว่าเป็นรถเอนกประสงค์ ประเภทที่บอกว่าลุยได้ ชื่อก็บอกว่าป้องกันล้อหมุนฟรี จะช่วยได้มาหากต้องขับเคลื่อนรถขึ้นทางชันที่มีพื้นผิวลื่น ผู้ขับเพียงเดินคันเร่งขึ้นทางชันแบบคงที่ระบบจะจัดการอาการล้อมันฟรีอย่างเป็นจังหวะจนสามารถผ่านเส้นทางไปได้ 

อย่างที่บอกว่า Mitsubishi Xpander Cross เป็นรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นทุกสิ่งให้ครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นรถแม่บ้านไปส่งลูกเรียนแต่เช้าก่อนไปทำงาน ช่วงบ่ายแวะไปหาลูกค้าเสร็จธุระไปรับลูกก่อนกลับบ้านแวะซูเปอร์มาร์เก็ต อรรถประโยชน์เหล่านี้คือจุดขายของ Mitsubishi Xpander ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ลงตัว แต่พอมาเป็น Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ MY2023 มีการเติมอรรถประโยชน์ เพิ่มขึ้นไปให้สามารถใช้เดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อเยี่ยมชมธรรมชาติป่าเขาระยะทาง 300-600 กิโลเมตร ได้สบายๆจากพละกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC DOHC 1.5 ลิตร 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ ECO-Dynamic CVT จะว่าไปแล้วเครื่องยนต์ บล็อคนี้ไม่ใช่เครื่องยนต์ใหม่ Mitsubishi ใช้เครื่องยนต์บล็อคนี้มานานแล้วกับรถยนต์หลายรุ่น แต่น่าแปลกเมื่อมันมาอยู่ใต้ฝา กระโปรง Mitsubishi Xpander และ Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ MY2023 มันกลับลงตัวชนิดแนบเนียนราวกับทีมวิศวกรสร้างมันขึ้นมาใหม่ให้รองรับ Mitsubishi Xpander 

จุดเด่นของเครื่องยนต์เมื่อมีโหลดเป็นตัวถังบวกกับน้ำหนักผู้ขับและผู้โดยสารเต็มคัน 4-5 ที่นั่ง อัตราเร่งออกตัวไม่มีที่ติ เกียร์ผสานทำงานได้เหมาะและต่อเนื่อง อัตราเร่งแซงเมื่ออยู่บนความเร็วเดินทาง (90-120 ก.ม.) นั้นไม่โดดเด่นติดเท้า แต่ไม่ถึงกับขี้เหร่ ผู้ขับต้องไม่ประมาท การเดินคันเร่งเพื่อแซงต้องเผื่อระยะไว้บ้าง เนื่องจากสถานการณ์แบบนี้อัตราเร่งของเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังเพียง 105 แรงม้า ความจุกระบอกสูบ 1.5 ลิตร จะไม่สามารถแสดงพลังได้ทันใจ ส่วนเรื่องของอัตราสิ้นเปลือง สภาพเส้นทางข้างต้นรวมระยะทางว่า 100 กิโลเมตร ได้ตัวเลขอัตราความสิ้นเปลืองประมาณ 13 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งไม่น่าเกลียดอะไรเมื่อย้อนไปดูสภาพเส้นทางที่ผ่านมา กับราคาค่าตัว 946,000 บาท ได้รถยนต์ที่สามารถเป็นให้ได้หมดในทุกความต้องการ กับรูปทรงเหลี่ยมคมแข็งแกร่งทะมัดทะแมง หากอ่านรีวิวจบแล้วมีใจก็ไปโชว์รูม Mitsubishi สอบถามแคมเปญกับตัวแทนขายใกล้บ้าน…สวัสดี

Mitsubishi Xpander Cross Test Drive GALLERY