รับน้องใหม่ บีเอสยูวี ฟูลไฮบริด ออล นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี

ต้นปีเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ถือฤกษ์ดีเปิดตัวแนะนำ ออล นิวมิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี คอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่นใหม่ไฮบริดใหม่หมดออล-นิว หัวจรดท้าย ทั้งดีไซน์ สมรรถนะ อรรถประโยชน์พร้อมด้วยเทคโนโลยี e:MOTION 

ก่อนการเปิดตัวในประเทศไทย ออล นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศอินโดนีเซียในเดือนสิงหาคม 2566 ในตอนนั้นยังคงใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ออกจำหน่ายในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ ละตินอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง และภูมิภาคอื่น ๆ ยกเว้นประเทศไทย ด้วยเพราะขณะนั้นสถานการณ์ความนิยมรถยนต์ในบ้านเรายังสับสนระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วน เครื่องยนต์สันดาปภายในพ่วงใส่มอเตอร์ไฟฟ้า หรือที่เรียกว่าไฮบริด รวมถึงกระแสการมาของรถยนต์พลังไฟฟ้าล้วน 

ไม่น่าแปลกใจที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย)จะยังไม่นำ มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส บี เอสยูวี รุ่นเครื่องยนต์สันดาปฯ เข้ามาเสริมทัพในโชว์รูมในขณะนั้น ปล่อยให้ คอมแพ็กต์เอสยูวีกลุ่ม ไฮบริด อย่าง โตโยต้า ยาริส ครอส ฮอนด้า เอชอาร์-วี นิสสัน คิกส์ จีดับเบิ้ลยูเอ็ม โจไลออน เปิดขายได้ยอดขายกันไปไกล รวมถึง ซูซูกิ ฟรองซ์ ที่ว่ากันว่าราคาถูกสุดในกลุ่มจ่อจะเปิดตัวปลายปีนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส รู้ดีว่าหากปล่อยเวลาล่าช้าไปกว่านี้ไม่ใช่ผลดีทางการตลาดและความเชื่อมั่นในตราสินค้า 

ที่สุดแล้วมติในที่ประชุมเห็นควรแล้วว่าได้เวลาการแนะนำเทคโนโลยีรุ่นล่าของการพัฒนา MITSUBISHI e:MOTION ที่ผสาน 3 เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดของมิตซูบิชิพร้อมแล้วที่จะผลิตในประเทศไทย ณ โรงงานแหลมฉบัง ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ถูกแพลนในมาเสริมทัพกลุ่มรถยนต์ฟูลไฮบริดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ต่อยอดการโยนหินถามทางจาก มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ที่เปิดตัวในประเทศไทย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา 

มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส บีเอสยูวี หรือที่มิตซูบิชิเรียก”คอมแพ็กต์เอสยูวี” มิตซูบิชิคาดหวังให้เป็นรถอีกรุ่นที่มีรูปทรงล้ำสมัยน่าดึงดูดใจให้กับผู้ใช้รถ ชูจุดเด่นที่ใช้ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ล่าสุด ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและพัฒนาจากระบบขับเคลื่อนแบบ ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เด่นด้วยอัตราการประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอัตราเร่งสนุกด้วยพร้อมโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7-Drive Mode) ทำงานร่วมกับระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control – AYC) แบบ All-Wheel Control ช่วยคำนวณการส่งกำลังจากระบบขับเคลื่อนและแรงเบรกลงสู่แต่ละล้อ เพื่อให้ล้อทั้งคู่หน้า-คู่หลัง ทำงานอย่างสัมพันธ์กัน ให้ประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาสมดุลของตัวรถขณะเข้าโค้ง เพื่อความปลอดภัย มั่นใจได้ในทุกสภาพเส้นทาง

หลังการเปิด มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี สามารถสร้างกระแสความความนิยมได้ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ตามแผน สเต็ปต่อไป มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จัดทริปทดสอบสมรรถนะ ให้ผู้สื่อข่าวสายยานยนต์  อินฟูเอนเซอร์ ยูทูปเปอร์ รวมถึงลูกค้าผู้สนใจทดลองขับเข้าร่วมกิจกรรม 5 ทริปทั่วหัวเมืองใหญ่ 5ทริป กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-กระบี่ ,กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-พังงา,กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-สุราษฎร์ธานี  ,กรุงเทพฯ-เขาใหญ่ ,กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี

สำหรับเรา incarsmagazine รับหน้าที่สัมผัสและจัดการกับ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ในทริปที่ 4 เส้นทาง กรุงเทพฯ-เขาใหญ่ ข้อมูลที่เราได้รับก่อนจับพวงมาลัยเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร นอกจากข้อมูลตัวรถแล้ว เราได้สอบถามทางมิตซูบิชิ เกี่ยวกับตัวเลขการตลาดได้ความว่าหลังเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี สามารถทำยอดจองสูงถึง 4,000 คันและส่งมอบไปแล้วประมาณ 1,500 คัน (ข้อมูลเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 68 ) และยังคงเดินหน้ามียอดจอง Mitsubishi ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้นและตอกย้ำโดยการเปิดตัว ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี เข้ามาทำตลาด

ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี รถยนต์ที่มาพร้อมกับขุมพลัง HEV e:MOTION 1.6 ลิตร Full Hybrid เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 4A92 MIVEC ให้กำลัง 95 แรงม้า (เบนซิน) และแรงบิด 134 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 116 แรงม้า และแรงบิด 255 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ 2-Speed Transaxle หรือ e-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า อีกทั้งยังมีโหมดการขับขี่ถึง 7 โหมด: ได้แก่ Normal, Wet, Gravel, Mud, Tarmac, EV Priority, Charge สำหรับโหมดการขับขี่จะแบ่งเป็นการขับขี่แบบ 5 รูปแบบให้เหมาะกับสภาพถนน และอีก 2 โหมดจะเป็นการขับขี่แบบรถไฟฟ้าซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้ตรงกับสภาพการใช้งานถนนเพียงปลายนิ้วสัมผัส สำหรับเอชอีวีใหม่นี้ได้พัฒนามาจาก PHEV และ Xpander HEV ALL-NEW Mitsubishi XFORCE HEV มีระบบควบคุมการขับเคลื่อนและเข้าโค้ง AYC (Active Yaw Control ) ช่วยทำให้การขับขี่ง่ายและนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น

การออกแบบภายนอก ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี

ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ได้มีการออกแบบในรูปลักษณ์ใหม่ให้ความหรูหรา แต่ทรงพลังในแบบ “ซิลก์กี แอนด์ โซลิด (Silky & Solid)” ซึ่งเป็นการประสานกันเพื่อให้โดดเด่น โฉบเฉี่ยวและดึงดูดสายตาของผู้ที่พบเห็น กระจังหน้าจะถูกออกแบบมาให้กลมกลืนไปกับตัวรถทางด้านหน้าซ้ายและขวา ไฟส่องสว่างด้านหน้าเป็นแบบ LED จะมีความโฉบเฉี่ยว ไฟท้ายเป็นแบบ LED ล้อ ล้ออันลอยขนาด 18 นิ้ว ( ขนาดเท่ากันทั้ง 3 รุ่น ) สำหรับสีของ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มีให้เลือกทั้งแบบทูโทนและโมโนโทนถึง 8สี สีขาวมุก White Diamond  สีเงิน Blade Silver และสีเทา Graphite Grey สีขาวมุก White Diamond หลังคาดำ สีเงิน Blade Silver  สีเทา Graphite Gray  และสีดำ Jet Black Mica

การออกแบบภายใน ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี

ห้องโดยสารมีขนาด 5 ที่นั่ง พื้นที่ใช้สอยภายใน กว้างขวาง เบาะนั่งสามารถปรับเอนได้ถึง 8 ระดับ อีกทั้งได้ติดตั้งลำโพงของยามาฮ่า ทั้งหมด 8 ตัว ไดนามิค ซาวด์ ยามาฮ่า พรีเมียม ซาวด์ ซิสเต็ม (Dynamic Sound Yamaha Premium Sound System) หน้าจอมัลติมิเดียระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้วสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ได้ ทั้งแบบเชื่อมต่อด้วยสายและบลูทูธ มาพร้อมหน้าจอแสดงผลการขับขี่ ขนาด 8 นิ้ว ไฟภายในห้องโดยสารเป็นแบบ Ambi ไลฟ์แล้วก็บริเวณคอนโซนหน้าและแผงประตูหน้า

เล่าให้ฟังหลังได้ลอง

หลังจากที่ได้ทราบข้อมูลของ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี แล้ว ก็มาถึงช่วงที่จะได้ขับรถพร้อมสัมผัสตัวรถบนเส้นทางกรุงเทพฯ – เขาใหญ่ หลังจากที่ทางมิตซูบิชิได้ทำการบรีฟเส้นทางและข้อมูลของตัวรถเป็นที่เรียบร้อยก็ถึงเวลาเดินทางโดยเราจะใช้เส้นทางออกจากทางฉะเชิงเทรา ปราจีนและก็ไปขึ้นทางวังน้ำเขียวเพื่อเดินทางไปที่เขาใหญ่ เราได้รับสถานะเป็นผู้โดยสารก่อน ในด่านแรกซึ่งก็ได้ทำการลองเล่นโหมดต่างๆ ของการขับขี่ โดยสภาพอากาศที่เราจะได้พบประสบพบเจอคือ แดดและฝน พอช่วงขึ้นเขาก็เลยได้มีโอกาสได้ใช้โหมด Gravel ซึ่งจริงๆแล้วอ่ะมันดีนะคะเพราะว่าตัวรถสามารถเอาอยู่ในหมวดของ Wet เพราะว่าฝนตกตลอดทางและมีทั้งหนักและเบาสลับกันมีช่วงน้ำขังซึ่งรถก็สามารถผ่านไปได้ 

ตัวรถสามารถเกาะถนนได้ในช่วงที่เราลองใช้ความเร็วกันแล้วก็เปลี่ยนโหมดคือการเปลี่ยนโหมดจะง่ายมากก็คือจะอยู่เป็นปุ่มคลิกค่ะตรงกลางคอนโซลก็คือปรับได้แล้วก็มีหน้าจอแสดงผลต่างๆว่าตอนนี้เราใช้อะไรอยู่ พอหลังจากผ่านช่วงที่เราจะขึ้นเขาฝั่งวังน้ำเขียวก็ ใช้โหมด Gravel ในส่วนของการลงเราก็ใช้โหมด Tramac  สำหรับถนนที่เป็นลาดยางหรือเป็นถนนทางเรียบแล้วก็แบบมีช่วงคดเคี้ยว ถ้าเปรียบจริงๆก็คือเหมือนโหมดสปอร์ตแต่เค้าแบบเปลี่ยนเป็นโหมดนี้ ในชีวิตประจำวันเราใช้เป็น Normal ก็โอเคแล้วนะคะ คือขับได้แบบสบายสบายแต่อันเนี่ยคือเค้าอยากให้เราได้สัมผัสจริงๆ ว่าการการใช้งานเป็นยังไงแล้วก็ตรงนี้เนี่ยมันจะดีตรงที่ว่าเค้ามีระบบ AYC ก็ จะทำการควบคุมการขับเคลื่อนของการเข้าโค้ง

หลังจากที่เราได้ทำการพักเบรคทานกาแฟกันที่คาเฟ่แล้วก็ถึงเวลาที่เราจะตำแหน่งเป็นผู้ขับโดยเราจะขึ้นไปดูกระทิงกันที่เขาแผงม้า เราจะได้ทดสอบการขึ้นเขาจริงๆ โหมดที่ใช้ คือ Tramac กับ Garvel สลับกัน และยังมีเกียร์ B เพิ่มมาอีกแต่จริงๆแล้วก็คือ เกียร์ L จะทำให้การขับขี่หน่วงขึ้นสำหรับอาจจะลงเขาเราใช้อันนี้ก็ได้มันก็จะค่อยค่อยลงมาแต่เราไม่ได้ใช้เลยเราใช้โหมด Garvel อย่างเดียวเพราะว่าเขาที่ขึ้นไปไม่ได้ชันมากหรือสูงมาก ในการเดินทางเราไปด้วยกันสามคนแล้วก็มีสัมภาระค่อนข้างเยอะ แต่การขับขี่ไปได้ค่อนข้างสบาย ตัวรถไม่อืด

สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน ถือว่าออกแบบมาสวยดูโฉบเฉี่ยว หรูหรา หลังจากจบการทดสอบได้มีโอการสอบถามถึงยอดจอง ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ทางผู้บริหารแจ้งว่ามียอดจองแตะไปที่ 5,000 คันแล้ว คือวันที่เราไปทดสอบคือวันที่ 23 มิถุนายน แล้วก็มียอดส่งมอบคิดว่าน่าจะประมาณประมาณสิ้นเดือนนี้ก็จะประมาณ 2,500 คัน ซึ่งยอดมันก็ยังเดินไปเรื่อยเรื่อยแล้วเค้าก็พยายามเร่งส่งมอบให้ลูกค้า สำหรับ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มีทั้งหมด 3 รุ่นคือรุ่น Ignite ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท , รุ่น Ultimate ราคาเริ่มต้น 1,039,000 บาท และรุ่น Ultimate X ราคาเริ่มต้น 1,089,000 บาท

ข้อเสนอพิเศษสำหรับ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ได้แก่

-การรับประกันระบบไฮบริดเป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

-รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนานสูงสุดถึง 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

-รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง เป็นเวลา 1 ปี

– การรับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)

-ฟรีค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน) เลือกรับ แพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

-ลูกค้าครอบครัวมิตซูบิชิ รับส่วนลดเพิ่มสูงสุดถึง 30,000 บาท ผ่านแอฟพลิเคชัน M-Drive

ทาง incarsmagazine ขอบคุณ มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เราได้ร่วมทริปทดสอบ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี หากสนใจสามารถเข้าชมรถและทดลองขับได้ที่ โชว์รูมมิตซูบิชิ ทั่วประเทศ