บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ฉลองความสำเร็จในการครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์พรีเมียมเป็นปีที่ 4 ต่อเนื่องกัน พร้อมเปิดตัวยนตรกรรมใหม่รวม 10 รุ่น จากบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด นำไลน์อัพใหม่ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู iX2 รถยนต์ซีดานพรีเมียมบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 มอเตอร์ไซค์ GS ในตำนานรุ่นใหม่อย่างบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า CE 02 พร้อมด้วยอีกหลายรุ่นจากมินิที่มาพร้อมเอกลักษณ์และความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
บีเอ็มดับเบิลยู iX2 xDrive30 M Sport ใหม่ ราคาจำหน่าย: 3,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู iX2 xDrive30 M Sport ใหม่ เป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบคูเป้ หรือ Sports Activity Coupé (SAC) ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนรุ่นแรก และนับเป็นเจเนอเรชันที่สองของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X2 ที่พร้อมขับเคลื่อนตลาดรถยนต์กลุ่มพรีเมียมคอมแพกต์ให้มุ่งสู่อนาคตการขับขี่ที่ยั่งยืน รถยนต์รุ่นนี้ผสานความหรูหรา สมรรถนะการขับขี่ และความคล่องตัวที่สมบูรณ์แบบเข้ากับความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู ในการสรรสร้างยนตรกรรมแห่งอนาคตอย่างลงตัว มาพร้อมกับรูปทรงที่ใหญ่ขึ้นและสปอร์ตยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยรูปทรงภายนอกแบบคูเป้ที่สะดุดตา ลายเส้นด้านข้างที่ช่วยเน้นย้ำรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยวและทรงพลังของตัวรถ ทั้งยังเหนือกว่าด้วยเทคโนโลยีการขับขี่อันล้ำสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ออกแบบมาเพื่อส่งมอบสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ในทุกเส้นทาง
บีเอ็มดับเบิลยู iX2 xDrive30 M Sport ใหม่ มาพร้อมกับดีไซน์ที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ในสไตล์ของรถยนต์อเนกประสงค์แบบคูเป้ (Sports Activity Coupé – SAC) ช่วงหน้ารถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่แบบ ‘Iconic Glow’ ที่มาพร้อมไฟส่องสว่าง ขับเน้นบุคลิกที่ดุดันของตัวรถให้เผยโฉมอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในช่วงกลางคืน ส่วนไฟหน้าคู่แบบใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับไฟส่องสว่างในเวลากลางวันในดีไซน์แบบ 4 ดวง พร้อมระบบ Adaptive LED ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย เสริมความมั่นใจในขณะเข้าโค้ง และยังตอกย้ำคุณลักษณะที่โฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวของรถรุ่นนี้ ควบคู่ไปกับไฟท้ายที่มอบกลิ่นอายความสปอร์ตได้ไม่แพ้กัน ส่วนหลังคารถ เติมลายเส้นที่ทอดยาวต่อเนื่องบรรจบกับไฟท้าย ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู iX2 xDrive30 M Sport ใหม่ มีทรวดทรงสไตล์คูเป้ที่ปราดเปรียวในแบบฉบับของ SAC ตัวจริง ผสมผสานอย่างลงตัวกับชุดแต่ง M Sport ที่มาพร้อมกับล้ออัลลอย M ขนาด 20 นิ้ว ลาย V-spoke แบบสลับสี
บีเอ็มดับเบิลยู iX2 xDrive30 M Sport ใหม่ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี BMW eDrive รุ่นที่ 5 ด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว ตัวหนึ่งที่เพลาหน้าและอีกตัวหนึ่งที่ด้านหลัง ซึ่งสร้างกำลังรวมของระบบที่ 225 กิโลวัตต์/306 แรงม้า และเมื่อใช้ฟังก์ชัน Sport Boost หรือ Launch Control จะส่งกำลังรวมสูงสุดที่ 230 กิโลวัตต์/313 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 494 นิวตันเมตร รถรุ่นนี้สามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 5.6 วินาที สู่ความเร็วสูงสุดที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยขุมพลังจากชุดแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวถังรถ ความจุพลังงานสุทธิ 66.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งทำให้บีเอ็มดับเบิลยู iX2 xDrive30 M Sport มีระยะการขับขี่ถึง 417- 449 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP
รถยนต์รุ่นนี้รองรับการชาร์จแบบกระแสตรง (DC) สูงสุด 130 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จจาก 0-80% ได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 29 นาที ในขณะที่รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC) สูงสุด 22 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ในเวลา3 ชั่วโมง 45 นาที นอกจากนั้น ยังติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistant) ซึ่งสามารถอัปเกรดให้เป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่ รุ่น Plus (Driving Assistant Plus) ผ่านทาง ConnectedDrive Store ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยทั้งในแง่ของการขับขี่ในชีวิต ประจำวันและการเดินทางระยะไกลอีกด้วย ช่วงล่าง Adaptive M ยังช่วยให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสทั้งรูปแบบการขับขี่แบบสะดวกสบายหรือสไตล์สปอร์ตอันเร้าใจ ส่วนระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus ยังมอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ให้การจอดรถและการบังคับรถทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู iX2 xDrive30 M Sport ใหม่ นำเสนอบรรยากาศพรีเมียมทันสมัยพร้อมให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับกลิ่นอายความสปอร์ต ภายในตกแต่งด้วยวัสดุตกแต่งแบบอลูมิเนียม พร้อมแถบกราฟิก และเบาะที่นั่งสปอร์ตหุ้มหนัง M Alcantara/Veganza ผสานสีดำ ตัดกับตะเข็บสีน้ำเงิน คอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec นอกจากนั้น อุปกรณ์ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน ได้แก่ เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่ง แบบ M Sport สำหรับผู้ขับขี่ หลังคากระจกพาโนรามาที่ออกแบบขึ้นมาใหม่ยังให้ความรู้สึกโอ่อ่า กว้างขวางและสะดวกสบาย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ชุดกระจกมองข้าง และกระจกมองหลังพร้อมฟังก์ชั่นป้องกันตาพร่า (Anti-Dazzle) ยังติดตั้งมาในรถยนต์รุ่นนี้ด้วย ฟังก์ชันกล้องภายในรถยนต์ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถถ่ายภาพภายในรถขณะที่จอดอยู่ได้ นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู iX2 xDrive30 M Sport ใหม่ ยังมาพร้อมกับระบบ Digital Key Plus ช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถล็อก/ปลดล็อกหรือสตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ออกมา พร้อมด้วยระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) ให้ผู้ขับขี่สามารถปลดล็อกและสตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ
บีเอ็มดับเบิลยู iX2 xDrive30 M Sport ใหม่ ยังได้รับการพัฒนาด้านระบบความบันเทิงและการสื่อสารให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ BMW Head-up Display และจอแสดงผลไวด์สกรีนผสมกับแผงหน้าปัดขนาด 10.25 นิ้ว และจอโค้ง Central Information Display ขนาด 10.7 นิ้ว ทำงานบนระบบปฎิบัติการ BMW Operating System 9 ใหม่ล่าสุด ที่ปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบความบันเทิงทันสมัยอันหลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ BMW Live Cockpit Professional ระบบ BMW ConnectedDrive ระบบเครื่องเสียง HiFi Harman Kardon และระบบแท่นชาร์จไร้สาย คุณลักษณะเด่นอีกประการของรถยนต์รุ่นนี้คือระบบการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์พกพาของตนกับรถยนต์แบบไร้สายผ่าน Apple CarPlay หรือ Android Auto โดยบีเอ็มดับเบิลยู iX2 xDrive30 M Sport ใหม่ มีให้เลือกใน 5 สีตัวถัง ได้แก่ สีเทา Brooklyn Grey, สีดำ Black Sapphire, สีขาว Alpine White, สีเขียว Cape York Green และสีแดง Fire Red
บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport Pro ราคา: 3,779,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ขุมพลังดีเซลกลับมาอวดโฉมอีกครั้งด้วยดีไซน์ที่สดใหม่ กับบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport Pro ใหม่ ที่เสริมความหรูหราโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตด้วยชุดแต่ง M Sport Pro ผสมผสานกับชุดแต่ง M Aerodynamics Package, ชุดแต่งกรอบหน้าต่างสีดำเงา BMW Individual high-gloss Shadow Line และชุดแต่งระบบไฟหน้า M Lights Shadow Line ในขณะที่ช่วงหน้ารถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่แบบ ‘Iconic Glow’ ที่มาพร้อมไฟส่องสว่างอันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู เสริมรูปลักษณ์สะกดสายตาบนท้องถนนด้วยล้ออัลลอย M สีดำ Jet Black ขนาด 20 นิ้ว ลาย Star-spoke, เบรก M Sport พร้อมคาลิปเปอร์สีแดงเงา และระบบกันสะเทือน M Sport เพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ เข้ากับรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยวปราดเปรียว
ภายในตัวรถของบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport Pro เพิ่มความหรูหราด้วยเข็มขัดนิรภัยสไตล์ M เฉดสี Dark Silver M ช่วยส่งเสริมความโดดเด่นให้การตกแต่งด้วยขอบ Aluminium Rhombicle พร้อมกับพื้นผิวกระจกคริสตัลแบบ Crafted Clarity บนปุ่มควบคุมสะท้อนเอกลักษณ์การตกแต่งที่หรูหรา ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซนพร้อมเพิ่มความสบายและสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร นอกจากนี้ยังยกระดับความสะดวกสบายไปอีกขั้นด้วยกล้องภายในรถ, แพ็คเกจ BMW Connected Package Professional, และระบบ Travel & Comfort ให้คุณพร้อมทุกการเดินทางด้วยราวแขวนเสื้อแบบโมดูลาร์, ที่วางของขนาดกะทัดรัดและระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistant) ที่ล้ำสมัย
บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport Pro ยังมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบที่ผ่านการทดสอบมาอย่างเข้มข้นทั้งยังได้รับความเชื่อมั่น ทำงานผสานกับระบบเกียร์ Steptronic 8 จังหวะ มอบกำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์ / 197 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,750 รอบต่อนาที และยังคงเอกลักษณ์ด้วยเทคโนโลยีการลดน้ำหนักตัวถัง Intelligent Lightweight Design ตามแบบฉบับของซีรีส์ 5 แชสซีที่ได้รับการปรับแต่งมาเพื่อประสิทธิภาพการกระจายน้ำหนัก บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport Pro จะส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างความสะดวกสบายในการขับขี่ระยะไกล
และความทรงพลังที่เร้าใจด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพียง 7.3 วินาที พร้อมทะยานด้วยความเร็วสูงสุดที่ 233 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือระดับ ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport Pro ยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นระบบจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ BMW Head-up Display, หน้าจอ BMW Live Cockpit Professional พร้อมหน้าจอควบคุมขนาด 12.3 นิ้ว, ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus พร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทาง ทั้งยังเพิ่มความสุนทรีย์ระหว่างการเดินทางด้วยระบบเครื่่องเสียง HiFi จากแบรนด์ Harman Kardon และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย
บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport Pro พร้อมให้เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ มีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีดำ Black Sapphire metallic, สีขาว Mineral White metallic, สีเทา Brooklyn Grey metallic, สีน้ำเงิน Phytonic Blue metallic, สีเขียว Cape York Green metallic พร้อมเบาะ Veganza สีดำหรือน้ำตาล Espresso Brown
บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport Pro ราคา: 3,949,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport Pro ใหม่ ในระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริด มาพร้อมความโฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่งแบบเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport Pro ที่ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล ด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics Package, ชุดแต่งระบบไฟหน้า BMW Individual High-gloss Shadow Line, ชุดแต่งระบบไฟหน้า M Lights Shadow Line และช่วงหน้ารถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่แบบ ‘Iconic Glow’ ที่มาพร้อมไฟส่องสว่างอันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport Pro ใหม่ ยังสร้างความโดดเด่นด้วยหลังคากระจก Panorama เสริมลุคด้วยการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยสี Dark Silver M พร้อมวัสดุตกแต่งคาร์บอนไฟเบอร์และวัสดุสีเงิน ล้อสีเทาดำขนาด 20 นิ้ว สไตล์ M Aerodynamic และเบรกแบบ M Sport พร้อมคาลิปเปอร์สี Dark Blue Metallic
แวบแรกที่คุณได้เปิดประตูบีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport Pro จะได้เห็นถึงห้องโดยสารที่หรูหราโอ่อ่า เพิ่มความสบายด้วยเบาะนั่งแบบ Comfort Seat หุ้มด้วยหนัง BMW Individual Merino พร้อมให้ได้สัมผัสประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือระดับทุกการเดินทางด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistant) แบบ Professional นอกจากนี้ยังมอบสุนทรียะระหว่างการขับขี่ด้วยระบบเสียง IconicSounds Electric ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับเสียงการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความสนุกเร้าใจให้กับการขับขี่ที่นุ่มนวลของรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมดื่มด่ำความบันเทิงเหนือระดับด้วยระบบเสียงรอบทิศทางจากแบรนด์เครื่องเสียง Bowers & Wilkins
บีเอ็มดับเบิลยู 530e จากตระกูล M Sport Pro มาพร้อมสมรรถนะอันทรงพลัง ครองใจผู้ขับขี่ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่มอบพละกำลัง 220 กิโลวัตต์ / 299 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ผสานพลังจากโหมด Sport Boost ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport Pro พุ่งทะยานด้วยอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 6.3 วินาที และเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งยังสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 108 กิโลเมตร เมื่อขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ตามมาตรฐาน NEDC บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport Pro มาพร้อมเทคโนโลยี eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 พกพาแบตเตอรี่ขนาด 22.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่รองรับการชาร์จแบบ AC 7.4 กิโลวัตต์ โดยส่งความเร็วสูงสุดเมื่อขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport Pro พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ มีเฉดสีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีดำ Black Sapphire metallic, สีขาว Mineral White metallic, สีเทา Brooklyn Grey metallic, สีน้ำเงิน Phytonic Blue metallic, สีเขียว Cape York Green metallic พร้อมเบาะ BMW Individual Merino สีดำ/เทา Atlas หรือสีน้ำตาล Copper/เทา Atlas
ข้อเสนอพิเศษสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 220i Gran Coupe M Sport
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย มอบข้อเสนอพิเศษสำหรับรถยนต์สปอร์ตคอมแพ็กต์ที่ตอบทุกโจทย์แห่งความคล่องแคล่วปราดเปรียวอย่างบีเอ็มดับเบิลยู 220i Gran Coupe M Sport ในราคาจำหน่ายสุดพิเศษ 1,999,000 บาท รวมแพ็คเกจ BSI Standard มอบการบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) และการรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง โดยสำหรับลูกค้าที่ทำการจองและส่งมอบรถภายในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567 และทำสัญญาทางการเงินกับบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย รับฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect นานสูงสุด 2 ปี พร้อมเลือกรับข้อเสนอพิเศษต่อไปนี้*
- ผ่อนเริ่มต้น 19,999 บาท/เดือน
หรือ
- ดาวน์เริ่มต้น 199,999 บาท
สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 220i Gran Coupe M Sport ใหม่ รุ่นประกอบในประเทศ แตกต่างไม่เหมือนใครด้วยเค้าโครงที่โฉบเฉี่ยวกว่าเคยด้วยดีไซน์ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากรถยนต์คูเป้รุ่นคลาสสิค เช่น กระจกประตูข้างแบบไร้กรอบทั้ง 4 ประตู ส่วนรูปลักษณ์สปอร์ตโหลดเตี้ยทรงกว้าง ในขณะที่ตัวรถด้านข้างบริเวณเสา C โดดเด่นชัดเจน พร้อมเส้นโค้งอันทรงพลังของล้อหลัง และไฟท้ายเพรียวบางที่ลาดออกในแนวนอน ควบคู่ชิ้นส่วนสีดำ High-gloss Black ไฟหน้า ไฟท้าย LED มาพร้อมตัวรถเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในขณะที่ชุดแต่ง M Aerodynamics มาพร้อมกับบังโคลนทั้งล้อหน้าและท้าย รวมถึงแถบสเกิร์ตด้านข้างตัวรถสำหรับรุ่น M โดยเฉพาะ พร้อมกับล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว ในลาย Double-Spoke แบบสลับสี และหลังคาพาโนรามิคขนาดใหญ่ที่เปิดออกด้านนอกได้ไม่จำกัดระดับ พร้อมโหมดระบายอากาศไฟฟ้า อวดโฉมความปราดเปรียวอันเหนือชั้น ส่งอัตลักษณ์ความเร้าใจสไตล์สปอร์ตให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
บีเอ็มดับเบิลยู 220i Gran Coupe M Sport ส่งตรงขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร และเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานควบคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ Steptronic แบบคลัทช์คู่ ด้านเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า มอบแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที ส่งพลังให้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.1 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 238 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 220i Gran Coupe M Sport ยังผสมผสานความหรูหราด้วยวัสดุชั้นเยี่ยมและพื้นที่ใช้สอยที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทั้งไลฟ์สไตล์ครอบครัวและการเดินทางระยะไกล มาพร้อมแผงหน้าปัด Instrument Cluster ขนาด 10.25 นิ้ว รวมไปถึงจอสัมผัส Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว ครบครันด้วยระบบช่วยการขับขี่ Driving Assistant พร้อมระบบควบคุมความเร็วคงที่พร้อมฟังก์ชั่นช่วยลดความเร็ว (Cruise Control with braking function) และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant)
มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู คลาสสิก ราคา: 2,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา MSI Standard)
สะกดทุกสายตาระหว่างการผจญภัยสุดเร้าใจบนท้องถนนด้วย มินิ คูเปอร์ เอส 3 ประตู รุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อรำลึกถึงรถยนต์มินิ คูเปอร์ อันโด่งดังที่ปรากฏในภาพยนตร์เกี่ยวกับการโจรกรรมสุดระทึก ‘The Italian Job’ ที่เข้าฉายในปี พ.ศ. 2546 และยังเป็นการระลึกถึงความสำเร็จของภาพยนตร์ต้นฉบับสัญชาติอังกฤษในชื่อเดียวกันอีกด้วย มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู คลาสสิก ใหม่ มาพร้อมการออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยแถบสีขาวหรือสีดำบนฝากระโปรงหน้า ซึ่งเป็นองค์ประกอบการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์มินิสีแดง, น้ำเงิน, และสีขาวที่ขับขี่โดยซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง มาร์ค วอห์ลเบิร์ก, ชาร์ลิซ เธอรอน, และเจสัน สเตแธม หลังคาและฝาครอบกระจกตกแต่งด้วยสีขาวหรือสีดำ สะท้อนความโดดเด่นของการออกแบบรถยนต์มินิ ที่ขี้เล่นและเปี่ยมด้วยสไตล์ ทั้งยังสะดุดตาด้วยไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟสำหรับขับขี่ในเวลากลางวันและไฟท้ายสไตล์ Union Jack อันเป็นเอกลักษณ์ของมินิ เสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยล้อสีดำขนาด 17 นิ้วลาย Pedal Spoke พร้อมยางรันแฟลต
ห้องโดยสารของมินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู คลาสสิก ใหม่ มาพร้อมเบาะนั่งสีดำ Carbon Black พวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบมัลติฟังก์ชันให้อารมณ์สปอร์ต แพ็คเกจไฟตกแต่ง (Lights Package) และไฟในห้องโดยสารได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลมัลติฟังก์ชัน มินิรุ่นคลาสสิกคันนี้มาพร้อมสมรรถนะสุดเร้าใจ เช่นเดียวกับรถยนต์มินิที่หลบหนีการไล่ล่าสุดระทึกใจบนจอภาพยนตร์ ขับเคลื่อนอย่างทรงพลังพร้อมควบคุมได้ดังใจสไตล์มินิ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า มอบแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรในช่วง 1,350-4,600 รอบต่อนาที มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู คลาสสิก
นำความตื่นเต้นเร้าใจของภาพยนตร์ ‘The Italian Job’ มาให้สัมผัสในชีวิตจริง พร้อมโลดแล่นจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 6.7 วินาที นอกจากนี้ยังอัดแน่นด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่สุดล้ำและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยมากมาย อาทิ ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control), ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Dynamic Traction Control Systems), ระบบเบรก ABS พร้อมระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ, ระบบควบคุมระยะการจอด (Park Distance Control) และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู คลาสสิก พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ พร้อมเฉดสีให้เลือก 8 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Island Blue, สีแดง Chili Red, สีขาว Nanuq White, สีเขียว British Racing Green, สีเทา Rooftop Grey, สีเหลือง Zesty Yellow, สีเงิน Melting Silver, และสีดำ Midnight Black
มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Multitone ราคา: 2,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา MSI Standard)
มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน กลับมาสร้างกระแสอีกครั้งด้วยความโดดเด่นในดีไซน์หลังคา Multitone Roof โดยนอกจากหลังคา Multitone สีแดงที่ได้สร้างเอกลักษณ์ไปในปีที่ผ่านมา และในครั้งนี้ก็เพิ่มตัวเลือกใหม่กับหลังคา Multitone สีน้ำเงิน Soul Blue ที่สะกดทุกสายตา สะท้อนตัวตนที่แตกต่างและเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา หลังคาสีแดงหรือฟ้าไล่เฉดเปรียบเสมือนผลงานศิลปะชิ้นเอกที่รังสรรค์ด้วยเทคนิคการพ่นสีแบบ Wet-on-Wet ซึ่งเป็นนวัตกรรมล้ำสมัยจากสายการผลิตมินิ ณ เมืองอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ผสานกับกระบวนการเคลือบสีแบบ Spray Tech ทำให้เกิดการไล่เรียงเฉดสีที่กลมกลืนและโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ทั้งนี้ การไล่เฉดสีของแต่ละคันจะมีความแตกต่างกันไป เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงระหว่างกระบวนการพ่นสี หลังคามัลติโทนแต่ละชิ้นจึงเปรียบเสมือนงานศิลปะที่งดงาม เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งยังดึงดูดสายตายิ่งกว่าเมื่อตัดกับตัวถังสีขาว Nanuq White
มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Multitone ใหม่ มาพร้อมดีไซน์ที่แตกต่างจากมินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Multitone Red รุ่นก่อนหน้า โดดเด่นสะดุดตาด้วยล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว ลาย Multiray Spoke และยางรันแฟลต ภายในห้องโดยสารยังคงความสปอร์ตตามแบบฉบับมินิ ด้วยเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้าสไตล์สปอร์ตสีดำ Carbon Black สอดรับกับการตกแต่งพื้นผิวด้วยสีดำ Piano Black เพิ่มความหรูหราให้ห้องโดยสารขึ้นไปอีกขั้นด้วยพวงมาลัยหุ้มหนังแบบ Nappa ชุดไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร และหน้าจอระบบสัมผัสแบบดิจิทัลขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลแบบมัลติฟังก์ชัน และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย
มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Multitone มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ทำงานผสานกับเกียร์ Steptronic 7 จังหวะ ให้กำลังสูงสุดที่ 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที มอบความสนุกเร้าใจตลอดการขับขี่ด้วยแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที พุ่งทะยานจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 7.2 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุดที่ 228 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังอัดแน่นด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่เพื่อความสะดวกสบายขั้นสุด เช่น ระบบควบคุมความเร็วคงที่พร้อมฟังก์ชันช่วยลดความเร็ว (Cruise Control with Braking Function), ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control), ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Dynamic Traction Control Systems), ระบบ Electronic Differential Lock Control (EDLC) รวมทั้งระบบเบรก ABS พร้อมระบบช่วยเสริมแรงเบรกโดยอัตโนมัติอีกด้วย
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน Highlands Edition ราคา: 2,299,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา MSI Standard)
อีกหนึ่งรุ่นของยนตรกรรมมินิที่กลับมาในรุ่นพิเศษคือ มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน Highlands Edition พร้อมดีไซน์ใหม่ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามตามธรรมชาติของเขตเทือกเขาในประเทศสกอตแลนด์ นำมาซึ่งการออกแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณการผจญภัยของมินิ คันทรีแมน ให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร ในขณะเดียวกันก็ให้สาวกมินิเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นพิเศษคันนี้ได้ง่ายขึ้นด้วยทางเลือกราคาที่จับต้องได้มากกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นคันทรีแมนอื่น ๆ แต่ยังคงอัดแน่นด้วยออปชั่นที่ครบครันตามมาตรฐาน
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน Highlands Edition มาพร้อมชุดแต่ง MINI ALL4 รวมถึงสัญลักษณ์ไฮแลนด์ที่โดดเด่นสะดุดตา เพิ่มความพิเศษให้กับการออกแบบที่หรูหราเหนือระดับ มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน Highlands Edition ได้รับการออกแบบให้มอบความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง พร้อมผจญภัยทุกหนแห่งด้วยฟีเจอร์อเนกประสงค์สุดล้ำ อาทิ ราวหลังคา, ประตูท้ายแบบอัตโนมัติ, และพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุด 1,390 ลิตร ตัวถังภายนอกอวดรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวด้วยการตกแต่งด้วยสีดำ Piano Black โดยดีไซน์ให้เข้ากันอย่างกลมกลืนกับหลังคาและที่ครอบกระจก, ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้วลาย Pin Spoke พร้อมยางรันแฟลต, ไฟหน้าแบบ LED, และไฟท้ายลาย Union Jack อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมินิ
ภายในห้องโดยสารประกอบด้วยเบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ตที่โอบกระชับ พร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัยที่มอบความสะดวกสบาย แต่ยังคงความสนุกมีสไตล์ตามแบบฉบับของ มินิ คันทรีแมน ตั้งแต่เบาะหนังปรับไฟฟ้าสี Carbon Black, ระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสารแบบปรับได้ (Ambient Lighting System), ที่วางแขนสำหรับเบาะหน้า ไปจนถึงหน้าจอกลางระบบสัมผัสแบบดิจิทัลขนาด 8.8 นิ้ว และแผงหน้าปัดแบบมัลติฟังก์ชัน
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน Highlands Edition มอบสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ซึ่งเป็นที่นิยม มอบพละกำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที ส่งแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที เมื่อผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ Steptronic แบบคลัทช์คู่ สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 224 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเร่งความเร็วถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 7.4 วินาที
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน Highlands Edition พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ พร้อมเฉดสีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเขียว Sage Green, สีขาว Nanuq White, สีเงิน Melting Silver, และสีเทา Rooftop Grey